วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประวัติส่วนตัว

แนะนำตัว



ชื่อ : นางสาวสุธิดา อุเจะ

ชื่อเล่น : กวาง

ภูมิลำเนา : สตูล

ศึกษา : มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร วิทยาลัยการฝึกหัดครู
สาขาวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นปีที่4 หมู่ที่ 1

คติประจำใจ : อดทน!!

<3<3<3<3<3<3

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

โน้ตบุ๊ต และแท็บเล็ต Windows 8 พร้อมกัน


ชอบทั้ง โน้ตบุ๊ต และแท็บเล็ต Windows 8 พร้อมกัน ก็ต้องตัวนี้เลย
Fujitsu Stylistic Q702, LifeBook T902



ติดตามข่าว Notebook: Fujitsu Stylisic Q702, LifeBook T902 ที่น่าสนใจกับ เฮียณัฐ TechXcite ย้อนกลับไปเมื่องาน Computex เมื่อเดือนที่ผ่านมา มีโน้ตบุ๊คมากมายหลายเครื่อง ที่เปิดตัวออกมาพร้อมกับรองรับระบบปฏิบัติการ Windows 8 โดยมีรูปทรงของตัวเครื่องแตกต่างกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบบสไลด์หน้าจอ, ทัชสกรีน หรือหน้าจอพับได้สองด้าน แต่ในจำนวนเหล่านั้น ไม่มีโน้ตบุ๊คสำหรับภาคธุรกิจเลยซักเครื่อง ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มสำคัญอีกกลุ่มที่ Microsoft ให้ความสำคัญ แต่ล่าสุด Fujitsu เปิดตัวโน้ตบุ๊คสำหรับกลุ่มนี้ออกมาแล้ว ไม่ใช่แค่รุ่นเดียว แต่มาพร้อมกัน 2 รุ่นเลยทีเดียว และที่สำคัญโน้ตบุ๊คเครื่องที่ว่านี้เป็นเครื่องแบบ Hybrid คือสามารถใช้เป็นแท็บเล็ตได้ด้วย
มาดูกันที่ตัวแรกก่อนเลยกับ Fujitsu Stylistic Q702 มีสเปคดังนี้เลย
- หน้าจอ 11.6 นิ้ว ความละเอียด 1366x768 พิกเซล กระจก Gorilla Glass ป้องกันรอยขีดข่วน
- CPU Intel Ivy Bridge (Core i3, i5 ให้เลือก)
- มีเซ็นเซอร์ Accelerometer, gyrometer, magnetometer, และ ambient light sensors
- RAM 4GB
- หน่วยความจำ 64GB/128GB แบบ SSD
- น้ำหนัก 846 กรัม
- ใช้งานได้ต่อเนื่อง 4.5 ชม. (ถ้าเสียบ Dock จะเพิ่มขึ้นอีก 5.5 ชม.)
- ที่ Dock รองรับการเชื่อมต่อ USB 2.0, USB 3.0, Ethernet, และช่อง VGA



ส่วนอีกหนึ่งรุ่นคือ Fujitsu LifeBook T902 รุ่นนี้จะมีสเปคโหดกว่า โดยจะมาพร้อมกับสเปคดังนี้
- หน้าจอขนาด 13 นิ้ว ความละเอียด 1600x900 พิกเซล เป็น Gorilla Glass เช่นกัน
- CPU Intel Ivy Bridge (Core i3, i5 ให้เลือก)
- เพิ่ม RAM ได้สูงสุด 16GB
- มีเซ็นเซอร์ Accelerometer, gyrometer, magnetometer, และ ambient light sensors
- เพียบพร้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยทั้ง Smart Card Slot, biometric fingerprint sensor และอื่นๆ
- เพิ่ม Battery หรือ HDD ผ่านทาง Modular Bay
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ 11 ชม.

ทั้ง Fujitsu Stylistic Q702 และ LifeBook T902 จะมาพร้อมกับ Windows 7 แต่จะอัพเป็น Windows 8 ได้ โดยทั้ง 2 ตัวมีกำหนดจะวางขายภายในไตรมาสที่ 3 นี้ โดย Stylistic Q702 จะราคา $1,099 (ประมาณ 33,000 บาท) และ LifeBook T902 ราคา $1,899 (ประมาณ 57,000 บาท) จัดว่าราคาแรงไม่ใช่เล่น แต่ก็อย่างว่า เป็นได้ทั้งโน้ตบุ๊ค และแท็บเล็ต สำหรับนักธุรกิจแล้ว แค่นี้ถือว่าธรรมดามาก

อ้างอิง : http://technology.impaqmsn.com/article.aspx?path=article&rid=0&id=22095

What Is Web 2.0

What Is Web 2.0
หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่า Web 2.0 กันมามากมาย แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมมันต้องเป็น 2.0 เป็น 2.1, 3.11 หรือ 2007 ไม่ได้เหรอ บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับความหมายของ Web 2.0 แต่ก็หวังว่าคงทำให้หลายๆคนมองเห็นภาพรวมได้มากยิ่งขึ้น

Web 2.0 จริงๆแล้วก็คือ การให้ความหมายของสิ่งที่เปลี่ยนไปของเทคโนโลยีเว็บไซต์ ซึ่งก็เหมือนกับที่สมัยก่อน เราเปลี่ยนจากทีวีขาวดำมาเป็นทีวีจอสี โดยกำหนดตัวเลขว่าเป็น generation ที่ 2 ของเว็บนั่นเอง สิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ Web 2.0 นั้นก็ เช่น AJAX, Blog, Feeds, Podcast, Social networking ฯลฯ โดย Web 2.0 application จะคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ให้ความสำคัญกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ โดยที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์จะมีส่วนร่วมต่อเว็บไซต์มากขึ้น ไม่ใช่แค่เข้ามาชมเว็บไซต์ที่เจ้าของเว็บจัดทำขึ้นเท่านั้น ผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถสร้าง content ของเว็บไซต์ขึ้นมาได้เองหรือสามารถ tag content ของเว็บไซต์ (คล้ายๆการกำหนด keyword ที่เกี่ยวข้องกับ content โดยผู้เข้าชมเว็บไซต์เป็นผู้กำหนดขึ้น) ตัวอย่างเช่น Digg, Flickr, Youtube , Wiki

Web 2.0 application จะมีคุณสมบัติที่เรียกว่า RIA (Rich Internet Application) นั่นคือ Web 2.0 application จะมี user interface ที่ดียิ่งขึ้น เช่น คุณสมบัติ drag & drop ซึ่งเราใช้กับใน desktop application ทั่วๆไปก็สามารถใช้ได้บนเว็บเช่นกัน โดยเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในการสร้าง RIA เช่น AJAX, Flash คุณสมบัติที่เรียกว่า mash-up ก็เป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของ Web 2.0 application นั่นก็คือการที่เราสร้าง Web application ขึ้นมาสักตัวหนึ่ง แล้วเราสามารถเปิด service ของ Web application ให้คนอื่นๆสามารถมาใช้ได้ ยกตัวอย่างเช่น ผมสร้าง Web application เกี่ยวกับระบบการซื้อขายสิ้นค้า online ขึ้นมาโดยผมสามารถ mash-up ระบบของผมเข้ากับ Google maps ได้อย่างง่ายดายเพื่อที่จะทำ Web application ของผมนั่นมีความสามารถในการ ซื้อขายสินค้า online แล้วยังสามารถคำนวณระยะทางและ เวลาในการขนส่งสินค้าไปให้ลูกค้า รวมทั้งสามารถพิมพ์แผนที่เส้นทางได้ โดยที่ผมไม่ต้องสร้าง Application สำหรับสร้างแผนที่ขึ้นมาเองเลย โดยเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องคือ Feeds, RSS, SOA, Web services



เทคโนโลยีที่น่าสนใจสำหรับ Web 2.0

AJAX ถือว่าเป็น เทคโนโลยีที่สำคัญมากๆ สำหรับ Web 2.0 application เลยทีเดียว โดย AJAX ใช้สำหรับการสร้าง user interface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้นบนเว็บ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ AJAX นั้นสามารถทำงานบนทุก browser ไม่ว่าจะเป็น IE, Firefox, Opera หรือ Safari ก็ตาม ตัวอย่าง Web 2.0 application ที่นำ AJAX ไปใช้ก็เช่น Gmail, Google Docs & Spreadsheets, Google Calendar หรือ LetsProve VO XML, Web services ใช้ในการทำให้ Web 2.0 application สามารถ integrate functional ในการทำงานร่วมกันได้ง่ายยิ่งขึ้น application ที่เราคุ้นเคยก็เช่น เราสามารถติดตามตำแหน่งงานที่เราสนใจใน Jobsdb ได้โดย RSS feeds SaaS (Software as service) เป็น Model ใหม่สำหรับการใช้บริการ software โดยที่แต่ก่อนเราอาจจะต้องซื้อ software เป็น license แล้วนำมา install บนเครื่องเรา แล้วเมื่อถึงเวลาที่ผู้ผลิต update software เป็น version ใหม่เราก็ต้องไป download หรือซื้อ software ใน version ใหม่ และถ้าหากมีผู้ใช้ software เป็นจำนวนมากๆก็จะต้องเสียเวลาและเงินอย่างมากในการ update software แต่ละที ซึ่ง SaaS จะสามารถแก้ปัญหาในจุดนี้ได้โดยมอง software เป็นเหมือนบริการๆ หนึ่ง โดยผู้ใช้บริการเพียงแค่จ่ายเงินค่าบริการ แล้วก็สามารถใช้งาน software ผ่านทาง web browser ได้ทันที เมื่อมีการ update software ก็จะทำเองอัตโนมัติโดยผู้ผลิต SaaS มีข้อดีคือ ผู้ใช้จะสามารถวางแผนงบประมาณสำหรับการซื้อ software ได้มากยิ่งขึ้น (ไม่ใช่ว่าซื้อ software มาแล้วยังต้องจ่ายค่า support, fix bug ตามมาอีก) และใช้เวลาน้อยกว่าในการ update version software แต่ละครั้ง ตัวอย่าง SaaS เช่น Google, Salesforce, Zoho



สรุป Web 2.0 ก็คือการกำหนดสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปของเทคโนโลยีเว็บ ว่ามีอะไรบ้าง คล้ายๆกับการ

กำหนดยุคปัจจุบันของเว็บว่าอยู่ในยุคที่ 2 ของการพัฒนา โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญรวมๆเข้าด้วยกันนั่นเอง



อ้างอิง : http://www.oreillynet.com/pub/a/oreilly/tim/news/2005/09/30/what-is-web-20.html

                บทความโดย :     นายพรชัย ทุราช

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

สมบัติรูปสามเหลี่ยม

          รูปสามเหลี่ยม เป็นหนึ่งในรูปร่างพื้นฐานในเรขาคณิต คือ รูปหลายเหลี่ยมซึ่งมีมุม 3 มุมหรือจุดยอด และมีด้าน 3 ด้านหรือขอบที่เป็นส่วนของเส้นตรง รูปสามเหลี่ยมที่มีจุดยอด A,B, และ C เขียนแทนด้วย ABC

คุณสมบัติและการแบ่งประเภทของรูปสามเหลี่ยมตามความยาวของด้าน
1.รูปสามเหลี่ยมด้านเท่า (equilateral) มีด้านทุกด้านยาวเท่ากัน และมีมุมทุกมุมขนาดเท่ากัน นั่นคือมุมภายในทุกมุมจะมีขนาดเท่ากัน คือ 60° และเป็นรูปหลายเหลี่ยมปกติ

รูปสามเหลี่ยมด้านเท่า

2.รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว (isosceles) มีด้านสองด้านยาวเท่ากัน และมีมุมสองมุมขนาดเท่ากัน คือมุมที่ไม่ได้ประกอบด้วยด้านที่เท่ากันทั้งสอง
รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว 
                                                                                         
3.รูปสามเหลี่ยมด้านไม่เท่า (scalene) ด้านทุกด้านจะมีความยาวแตกต่างกัน มุมภายในก็มีขนาดแตกต่างกันด้วย


รูปสามเหลี่ยมด้านไม่เท่า 

คุณสมบัติและการแบ่งประเภทของรูปสามเหลี่ยมตามมุมภายใน
1.รูปสามเหลี่ยมมุมฉาก (right, right-angled, rectangled) มีมุมภายในมุมหนึ่งมีขนาด 90° (มุมฉาก) ด้านที่อยู่ตรงข้ามกับมุมฉากเรียกว่า ด้านตรงข้ามมุมฉาก ซึ่งเป็นด้านที่ยาวที่สุดในรูปสามเหลี่ยม อีกสองด้านเรียกว่า ด้านประกอบมุมฉาก ความยาวด้านของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากสัมพันธ์กันตามทฤษฎีบทพีทาโกรัส นั่นคือกำลังสองของความยาวของด้านตรงข้ามมุมฉาก c จะเท่ากับผลบวกของกำลังสองของด้านประกอบมุมฉาก a, b เขียนอย่างย่อเป็น a2 + b2 = c2 ดูเพิ่มเติมที่ รูปสามเหลี่ยมมุมฉากพิเศษ
รูปสามเหลี่ยมมุมฉาก

2.รูปสามเหลี่ยมมุมเฉียง (oblique) ไม่มีมุมใดเป็นมุมฉาก ซึ่งอาจหมายถึงรูปสามเหลี่ยมมุมป้านหรือรูปสามเหลี่ยมมุมแหลม
2.1 รูปสามเหลี่ยมมุมป้าน (obtuse) มีมุมภายในมุมหนึ่งมีขนาดใหญ่กว่า 90° (มุมป้าน)
2.2. รูปสามเหลี่ยมมุมแหลม (acute) มุมภายในทุกมุมมีขนาดเล็กกว่า 90° (มุมแหลม) รูปสามเหลี่ยมด้านเท่าเป็นรูปสามเหลี่ยมมุมแหลม แต่รูปสามเหลี่ยมมุมแหลมทุกรูปไม่ได้เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า                                       

การหาพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม

พื้นที่รูปสามเหลี่ยม = 1/2 x ฐาน x สูง
                                         
                               เช่น  
จากสูตร                 พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม    = 1/2 x ฐาน x สูง
                                                                                                = 1/2 x 20 x 16
                                                                                                = 160 ตารางหน่วย
ตอบ พื้นที่รูปสามเหลี่ยม 160 ตารางหน่วย

วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Search Engine

Search Engine คืออะไร

Search Engine คือ เครื่องมือการค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต ที่ทุกคนสามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตก็ได้ โดย กรอก ข้อมูลที่ต้องการค้นหา หรือ Keyword (คีเวิร์ด) เข้าไปที่ช่อง Search Box แล้วกด Enter แค่นี้ข้อมูลที่เราค้นหาก็จะถูกแสดงออกมาอย่างมากมายก่ายกอง เพื่อให้เราเลือกข้อมูลที่เราโดนใจที่สุดเอามาใช้ งาน โดยลักษณะการแสดงผลของ Search Engine นั้นจะทำการแสดงผลแบบ เรียงอันดับ Search Results ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเรา

ตัวอย่าง Search Engine
1.             http://google.co.th
2.             http://th.yahoo.com
3.             http://th.msn.com
4.             http://corp.aol.com
5.             http://www.siamguru.com
6.             http://www.sanook.com
7.             http://www.catcha.co.th
8.             http://www.thaiseek.com 

การใช้งาน Search Engine ขั้นสูง (Google)
1. Google จะใช้ and (และ) อยู่ในประโยคเสมอ เช่น ค้นหา harvest moon back to nature Google จะค้นหาแบบ harvest AND moon AND back... (พูดง่ายๆคือค้นหาแบบแยกคำ)
2. การใช้ OR (หรือ) คือการให้ Google หาข้อมูลมากขึ้นจาก คำA และ คำB (พูดง่ายๆ คือนำผลที่ได้มารวมกันรวมกัน) วิธีใช้ พิมพ์ OR ด้วยตัวใหญ่ระหว่างคำที่ต้องการ เช่น vacation london OR paris คือหาทั้งใน London และ Paris
3. Google จะละคำทั่วๆไป (เช่น the, to, of) และตัวอักษรเดี่ยว เพราะจะทำให้ค้นหาช้าลง แต่ถ้าคำพวกนั้นสามารถช่วยให้หาข้อมูลง่ายขึ้น ก็ต้องใช้เครื่องหมาย + ช่วยโดยนำไปอยู่หน้าคำนั้น (ต้องเว้นวรรคก่อนด้วย) เช่น back +to nature หรือ final fantasy +x
4. Google สามารถกันขอบเขตการค้นหาให้เล็กลงด้วยการใช้ Advanced Search หรือ การค้นหา แบบพิเศษ ใน Google ภาษาไทย
5. Google สามารถตัดคำพ้องรูปได้โดยใช้เครื่องหมาย - ช่วยโดยการนำไปอยู่คำที่จะตัด เช่น คำว่า bass มี 2 ความหมายคือ เกี่ยวกับปลา และดนตรีเราจะตัดที่มีความหมายเกี่ยวกับดนตรีออกโดยพิมพ์ bass -music หมายความว่า bass ที่ไม่มีคำว่า music นอกจากนี้มันยังสามารถตัดอย่างอื่นได้อีก เช่น "front mission 3" -filetype:pdf หมายความว่า เรื่องเกี่ยวกับ front mission 3 แต่ไม่แสดงไฟล์ PDF
6. การค้นหาแบบทั้งวลี (คือการค้นหาทั้งกลุ่มคำ) ให้ใช้เครื่องหมาย เช่น "Breath of fire IV"
7. Google สามารถแปลเว็บภาษา Italian, French, Spanish, German, และ Portuguese เป็น ภาษาอังกฤษได้ (โดยคลิ้กที่คำว่า "Translate this page" ด้านข้างชื่อเว็บ)
8. Google สามารถหาไฟล์ในรูปแบบอื่นๆที่ไม่ใช่ HTML ได้ ประเภทไฟล์ที่รองรับคือ
Adobe Portable Document Format (นามสกุลของไฟล์ pdf)
Adobe PostScript (นามสกุลของไฟล์ ps)
Lotus 1-2-3 (นามสกุลของไฟล์ wk1, wk2, wk3, wk4, wk5, wki, wks, wku)
Lotus WordPro (นามสกุลของไฟล์ lwp)
MacWrite (นามสกุลของไฟล์ mw)
Microsoft Excel (นามสกุลของไฟล์ xls)
Microsoft PowerPoint (นามสกุลของไฟล์ ppt)
Microsoft Word (นามสกุลของไฟล์ doc)
Microsoft Works (นามสกุลของไฟล์ wks, wps, wdb)
Microsoft Write (นามสกุลของไฟล์ wri)
Rich Text Format (นามสกุลของไฟล์ rtf)
Text (นามสกุลของไฟล์ ans หรือ txt)วิธีใช้ filetype:นามสกุลของไฟล์ เช่น "Chrono Cross" filetype:pdf หมายความว่าเอกสารของ Chrono Cross ที่เป็น PDF และมันยังมีความสามารถดูไฟล์เหล่านั้นในรูปแบบของ HTML ได้ (โดยคลิ้ก View as HTML หรือ รูปแบบ HTML ใน Google ไทย)
9. Google สามารถเก็บ Cached ของเว็บที่จะเข้าชมไว้ได้ (โดยคลิ้กที่ Cached หรือ ถูกเก็บไว้ ใน Google ภาษาไทย) ประโยชน์ของมันคือช่วยให้เราสามารถเข้าเว็บบางเว็บที่อาจโดนลบไปแล้ว โดยข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลก่อนถูกลบ (ใหม่สุดที่มันจะมีได้)
10. Google สามารถค้นหาหน้าที่คล้ายกัน (โดยคลิ้ก Similar pages หรือ หน้าที่คล้ายกัน ใน Google ภาษาไทย) โดยจะค้นหาข้อมูลที่คล้ายๆ กันให้เรา เช่น ถ้าเรากำลังหาข้อมูลการวิจัย ความสามารถนี้จะช่วยให้หาข้อมูลได้มากมายในเวลาที่รวดเร็วโดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่อง keyword

11. Google สามารถค้นหา link ทั้งหมดที่เชื่อมไปยังเว็บนั้นได้ วิธีใช้ link: ชื่อ URL เช่น link:www.google.com แต่คุณไม่สามารถใช้ความสามารถนี้ร่วมกับการหาแบบอื่นๆ ได้
12. Google สามารถค้นหาเว็บที่จำเพาะเจาะจงได้ โดยพิมพ์ คำที่คุณต้องการเจาะจง site:ชื่อ URL เช่น ถ้าคุณต้องการหาเว็บเกี่ยวกับการเข้า (admission) มหาวิทยาลัย Stanford ให้พิมพ์ admission site:www.stanford.edu
13.ถ้าคุณมีเวลาน้อย (และคิดว่าโชคดี) Google มีบริการการค้นหาด่วน (ชื่อบริการ I'm Feeling Lucky) โดยที่ Google จะนำเว็บที่อยู่ลำดับแรกของการค้นหา ส่งให้คุณเลย (link ไปเว็บนั้นให้เสร็จ) เช่น คุณต้องการค้นหาเว็บมหาวิทยาลัย Stanford อย่างด่วนให้พิมพ์ Stanford แล้วกด I'm Feeling Lucky หรือ ใช่เลย! เจอแน่ๆ ใน Google ไทย
14. Google สามารถหาแผนที่ของสหรัฐอเมริกาได้โดยพิมพ์ ที่อยู่ ชื่อถนน พร้อมด้วยชื่อรัฐ เช่น 165 University Ave Palo Alto CA Google จะจัดการส่งแผนที่คุณภาพสูงมาให้คุณ
15. Google สามารถหาเบอร์โทร (เฉพาะอเมริกา) หรือพิมพ์เบอร์โทรแล้วหาบริษัทได้โดยพิมพ์
first name (or first initial), last name, city (state is optional)
first name (or first initial), last name, state
first name (or first initial), last name, area code
first name (or first initial), last name, zip code
phone number, including area code
last name, city, state
last name, zip codeแล้วแต่ว่าคุณจะใช้แบบไหน
16. Google สามารถค้นหา Catalog สินค้าได้ (เข้าไปที่ http://catalogs.google.com/)
17. Google สามารถเก็บข้อมูลลักษณะการใช้ที่คุณต้องการได้โดยเข้าไปที่ Preferences หรือ ตัวเลือก ใน Google ไทย

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บล็อก (Blog)

Blog

Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้น จะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ


ข้อดีของบล็อก

1.เปิดโอกาสให้รับฟัง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้

2.สามารถปรับแต่งบล็อกให้เป็นรูปแบบที่ต้องการได้

3.สามารถสร้างเครือข่าย ระหว่างบล็อก

4.ช่วยทำประชาสัมพันธ์ในเรื่องต่างๆได้  

5.เปิดโอกาสทำธุรกิจหารายได้ จากการจำหน่ายสินค้าและบริการ

6.ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้ความรู้มากขึ้น

7.ได้มิตรภาพใหม่ๆ จากเพื่อนในบล็อกเกอร์

8.ใช้เป็นช่องทางสื่อสารกับครอบครัว เพื่อนฝูง เมื่อยามห่างไกลกัน

9.เปิดโอกาสให้แสดงออกถึงความสามารถ

10.เป็นไดอารี่บันทึกประจำวัน

11.เป็นแหล่งข้อมูลความรู้ ให้บุคคลอื่นเข้ามาค้นคว้า ศึกษาได้ในปัจจุบันและอนาคต

12.เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันมาแสดงความคิดเห็น

13.ใช้เป็นเครื่องมือในการทำงาน เช่น เป็นสื่อการเรียนรู้

14.ใช้เป็นศูนย์รวมการให้ความรู้

15.ใช้สร้างแสดงผลงานต่างๆ

 

ข้อเสียของบล็อก

1.เนื้อหาที่ใช้ลงบล็อกคำพูดหรือเนื้อความ อาจไม่เป็นทางการ

2.ไม่สามารถบังคับหรือกำหนดแนวทางให้บล็อกเกอร์นำเสนอได้ตามที่ต้องการ

3.เนื้อหาที่อยู่ในบล็อก อาจมีความน่าเชื่อถือน้อยถึงน้อยมาก

4.เปิดโอกาสให้พวกป่วนเข้ามาเปิดบล็อก ก่อกวน

5.เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน ทำให้มีการแสดงออกถึงการขัดแย้งอย่าง

6.การนำเสนอเรื่องราวซ้ำ ๆ กัน

 

บล็อกที่น่าสนใจ

www.facebook.con

www.youtube.com

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการเรียนรู้

ชื่อนวัตกรรม : โปรแกรม Geometer’s Sketchpad (GSP)
สอนเรื่อง : รูปสามเหลี่ยม
แนวคิด : โปรแกรม GSP เป็นสื่อเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้เรียน มีโอกาสเรียนคณิตศาสตร์โดยการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง และเป็นการเรียนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โปรแกรม GSP เป็นสื่อที่ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะของการนึกภาพ ทักษะของกระบวนการแก้ปัญหา GSP เป็นโปรแกรมที่สามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือเพื่อช่วยให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพและน่าสนใจมาก สามารถนำเสนอภาพเคลื่อนไหวมาใช้อธิบายให้เป็นรูปธรรม ให้นักเรียนได้เรียนรู้และเข้าใจง่าย และโปรแกรมยังเน้นให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติด้วยตัวเองได้
ตัวอย่าง : รูปสามเหลี่ยมไม่ว่าจะเป็นรูปสามเหลี่ยมใดๆ จะมีผลรวมของมุมภายในเป็น 180 องศา โปรแกรม GSP จะช่วยได้ดีมาก โดยสร้างรูปสามเหลี่ยมขึ้นมาหนึ่งรูป กำหนดให้โปรแกรมแสดงขนาดของมุมภายในทั้ง 3 มุมของรูปสามเหลี่ยม และให้โปรแกรมหาผลรวมของขนาดของมุมทั้งสาม จากนั้นสามารถปรับเปลี่ยนลักษณะของรูปสามเหลี่ยมที่สร้างขึ้นนั้นให้เป็นแบบต่างๆ โปรแกรม GSP จะแสดงให้เห็นว่า ขนาดของมุมทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมเปลี่ยนไป แต่ผลรวมของขนาดของมุมทั้งสามยังคงเท่ากับ 180 องศาเสมอ
ข้อดีข้อโปรแกรม GSP :
-โปรแกรม GSP เป็นสื่อที่ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะของการนึกภาพ
-โปรแกรม GSP เป็นสื่อที่ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะของกระบวนการแก้ปัญหา
-โปรแกรม GSP เป็นเครื่องมือช่วยให้การเรียนการสอนคณิตศาสตร์มีประสิทธิภาพ
-โปรแกรม GSP เป็นเครื่องมือที่เน้นให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติด้วยตัวเอง